ยุโรปสมัยฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ
(Renaissance) หมายถึงการ
เกิดใหม่ของการศึกษา การฟื้นฟู
เกิดใหม่ของการศึกษา การฟื้นฟู
อุดมคติ ศิลปะและวรรณกรรม
ของกรีกและโรมัน เป็นยุคเริ่มต้น
ของการแสวงหาสิทธิเสรีภาพและความคิดอันไร้ขอบเขตของ
ของกรีกและโรมัน เป็นยุคเริ่มต้น
ของการแสวงหาสิทธิเสรีภาพและความคิดอันไร้ขอบเขตของ
มนุษย์ ของมนุษย์ที่เคยถูกจำกัด
โดยกฎเกณฑ์และข้อบังคับของ
คริสต์ศาสนา ยุคการฟื้นฟูศิลปะ
วิทยาการเริ่มต้นในราวคริสต์
ศตวรรษที่ 14 และสิ้นสุดลงใน
ศตวรรษที่ 14 และสิ้นสุดลงใน
กึ่งกลางคริสต์ศตวรรษที่17 โดยถือว่าเป็นจุดเชื่อต่อของประวัติศาสตร์สมัยกลางและสมัยใหม่
ยุคเรเนซองส์ (Renaissance )อยู่ในช่วงศตวรรษที่ 14-15 เป็นยุคฟุ้มเฟือยที่สุด หรูหราที่สุด กามรมณ์ที่สุด เป็นชื่อช่วงเวลาหรือยุคแห่งการฟื้นฟูศิลปวิทยาการในยุโรป หลังจากที่ได้ผ่านยุคกลางหรือยุคมืด ( Medieval Age ) ซึ่งกินระยะเวลายาวนานกว่าหนึ่งพันปี ตั้งแต่ประมาณศตวรรษที่ 5 ถึง 15 การรุ่งเรืองและล่มสลายของอาณาจักรโรมัน, การเสื่อมของโรมและการเติบโตของคอนสแตนติโนเปิล, การแผ่ขยายอำนาจของอาณาจักรออตโตมัน (มุสลิม - เติร์ก)และสงครามครูเสดระหว่างคริสต์และมุสลิมเพื่อแย่งชิงแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์, สงครามหนึ่งร้อยปีระหว่างอังกฤษและฝรั่งเศส, นักบุญ Joan of Arc, ความศรัทธาในศาสนาอย่างแรงกล้า, อำนาจที่มากขึ้นของฝ่ายศาสนจักร เรอเนซองส์ จึงเหมือนกับการกลับมาเกิดใหม่ของศิลปะและหรือยุคแห่งการฟื้นฟูศิลปะวิทยาการในยุโรป
ชาวอิตาลีเป็นผู้ริเริ่มพัฒนาศิลปะการประดิษฐ์ดอกไม้ ไฟขึ้นดอกไม้ไฟรูปแบบใหม่ ๆ ถือเป้นที่เกิดขึ้นในยุคนี้โดยมีการดัดแปลงเพิ่มโลหะกับถ่านไปในส่วนผสมที่ใช้ทำจรวดซึ่งเมื่อปล่อยขึ้นฟ้าก็จะเปล่งประกายแสง วัฒนธรรมของยุคโบราณเช่นกรีก รวมถึงทัศนะมนุษยนิยมซึ่งต่างจากในยุคกลางที่มีพระเจ้าเป็นศูนย์กลางของชีวิต นั่น
คือการกลับมาเน้นเรื่องของปัจเจกนิยม มนุษย์ไม่ได้มีชีวิตอยู่เพื่อพระเจ้าเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงสามารถแสวงหาความสุขให้กับชีวิตบนโลกนี้ได้
การมองโลกแบบนี้ทำให้เกิดเสรีภาพใหม่ในการพัฒนาตนเอง มีการพัฒนาการในเรื่องของศิลปะและสถาปัตยกรรม, วรรณคดี, ดนตรี, ปรัชญา, และวิทยาศาสตร์ มีการท้าทายอำนาจของศาสนจักรเพราะเริ่มมีทัศนะใหม่ที่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างปัจเจกกับพระเจ้ากลับมีความสำคัญมากกว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับคริสตจักรในฐานะที่เป็นองค์กร บุคคลสำคัญในเรื่องนี้คือ มาร์ติน ลูเธอร์ และมีศิลปินมากมายเกิดขึ้นในยุคนี้ เช่น ดาวินซี ไมเคิล แองเจโล บอตติเซลลี ราฟาเอล ติเตียน เกรกโก
วัตถุประสงค์ของการสร้างผลงานจะต่างกับยุคกลางที่เน้นในเรื่อง
ของความศักดิ์สิทธิ์, ความเป็นศูนย์กลางของชีวิต มาเป็นงานที่เพื่อ
ตอบสนองต่ออารมณ์และความรู้สึกของศิลปินและผู้ชมงานมากขึ้นและขยายขอบเขตออกไปอย่างกว้างขวางทั้งประติมากรรม จิตรกร
รม และสถาปัตยกรรม การใช้วิธีและรูปแบบใหม่ในการวาดภาพเช่น
เรื่องของ perspective, เน้นกายวิภาคที่เป็นจริงมากขึ้นและในยุค
เดียวกันนี้ก็เริ่มเป็นยุคเสื่อมของอาณาจักรเขมรหลังจากพระเจ้าชัยว
รมันที่เจ็ดผู้สร้างนครธมสิ้นพระชนม์ และการเติบโตขึ้นของอาณาจักร
สุโขทัยและอยุธยา จนในต้นศตวรรษที่ 15 อาณาจักรเขมรก็ตกอยู่
ภายใต้อำนาจของอยุธยาโดยสิ้นเชิง
แนวคิดสำคัญ
มนุษย์นิยม ธรรมชาตินิยม รวมกับแนวคิดของศาสนาตริสต์
ศิลปินคนสำคัญ
ศิลปินยุคที่มีความสามารถหลายด้านที่มีชื่อเสียงอย่างมากได้แก่ลีโอ
นาโด ดาวินชีไมเคิล แองเจลโล
สถาปัตยกรรม
วิหารเซนต์ปิเตอร์ และวิหารเซนต์ปอล
ประติมากรรม
: รูปพระแม่ประครองพระเยซู
จิตรกรรม
- เริ่มมีการเขียนภาพสามมิติ ( Perspective )
- ที่สำคัญได้แก่ ผลงานของ
- ไมเคิลแองเจลโล ได้แก่ ภาพ “การตัดสินครั้งสุดท้าย” ( The last judgement )
- ลีโอนาโด ดาร์วินชี ได้แก่ ภาพ “โมนาลิซา ” และ “อาหารมื้อสุดท้าย” (The last super)
- ราฟาเอล ได้แก่ ภาพพระแม่ พระบุตรและจอห์น แบบติสต์ แสดงความรักต่อแม่ที่มีต่อบุตร เป็นภาพเหมือนจริงที่มีชีวิตจิตใจ
วรรณกรรม
- เน้นแนวมนุษยนิยม ใช้ภาษาท้องถิ่นแทนภาษาละติน
- วรรณกรรมสำคัญ ได้แก่
- เจ้าผู้ครองนคร ( The prince ) ของ นิโคไล มาเคียเวลลี บรรยายถึงศิลปะการปกครองของเจ้านคร
- Utopia ของ โทมัสมอร์ กล่าวถึงเมืองในอุดมคติที่ปราศจากความเลวร้าย
- คัมภีร์ไบเบิลใหม่ของ อีรัสมุส แห่งรอตเตอร์ดัม
- บทละครของวิลเลี่ยม เชกสเปียร์ ได้แก่ โรมีโอและจูเลียต เวนิสวาณิช คิงเลียร์ แมคเบท ฝันคืนกลางฤดูร้อน เป็นต้น ซึ่งบทละคร
- เหล่านี้จะสะท้อนให้เห็นถึงอารมณ์ อุปนิสัย และการตัดสินใจของมนุษย์ในภาวการณ์ต่างๆกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น